สยองนี้ที่ลำปาง
เหตุเกิด
ณ โรงแรมแห่งหนึ่งกลางเมืองลำปาง
“พี่เอาห้องนี้ไปล่ะกัน”
น้องฝึกงาน
ททท.เชียงใหม่ โยนกุญแจห้องพักโรงแรมให้ผม เป็นการบ่งบอกโดยนัยว่า
มึงเอาห้องพักชั้น 7 ห้อง 703 ไป
ผมพักกับพี่นักข่าวอีกคน แว่บแรกสับตีนออกจากลิฟต์ ป้ายห้องละหมาดแทงลูกตา ทำเอาผมสงสัยเล่นๆว่า
ไยโรงแรมถึงได้มีห้องละหมาดแบบนี้ เพราะไปมาหลายที่ก็ไม่เคยเจอ
คิดเหมาเอาเองว่า
น่าจะมีคนอิสลามมาเยอะ เจ้าของเขาคงทำเอาไว้
พอพ้นจากลิฟต์สู่ทางเดิน
สบตาแรกที่เจอห้องพักคือพิกัดมันอยู่ต้องทางโค้งของตึก พูดง่ายๆก็คือ
ออกจากลิฟต์แล้วเดินมา 5 – 6 ก้าว
เลี้ยวขวาเจอทางเดินไปห้องพักต่างๆ พอเดินมาซัก 3-4 ห้อง
จะถึงโค้งหรือมุมตึกให้เลี้ยวซ้าย ไอ้ตรงมุมนั้นแหละห้องพักผมเอง
ส่วนสุดทางจะเป็นห้องละหมาด
ทางเดินตรงไปห้อง 703 (สุดทางเดินคือห้องพักผม)
ตามสไตล์ ผมไม่พยายามจะคิดแมวน้ำอะไรให้มันมาก แต่ก็รู้สึกแปลกๆ ห้องอยู่เหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นห้องนี้ เพราะดูๆไป ทำเลมันไม่ค่อยเวิร์ค
เก็บของ
เก็บกระเป๋า ออกไปทำงานตอนเย็น กลับมาอีกที สามทุ่มกว่า อยู่ดีๆ
ก่อนเข้าโรงแรมพี่โมก พี่นักข่าวอีกคนเสือกชวนผมคุยเรื่องผีขึ้นมาซะงั้น
ขึ้นห้องพักกันสองคน
เปิดประตูห้องอยู่ดีๆ เหรียญบาทที่ไหนไม่รู้ตกลงมา ผมถามว่าเหรียญพี่รึเปล่า
แกบอกน่าจะใช่ แต่แกก็วางไว้แถวนั้นไม่ได้เอาใส่กระเป๋า (ผมคิดว่าต้องเป็นเหรียญ
ที่คนมาพักก่อนหน้านี้วางเอาไว้เพื่อเป็นการซื้อห้อง ตามความเชื่อที่ว่า
ถ้ามานอนพักที่ไหนต่างสถานที่ ให้วางเงินเหรียญไว้ในห้องจะบนโต๊ะ ตู้ เตียง
อะไรก็ได้ เพื่อเป็นการบ่งบอกว่าเรามาขอซื้อที่เขา มาขออนุญาตนอน)
จากนั้นเข้าห้องพากันนั่งคุยเรื่องผีไป
2-3 เรื่อง เสร็จ อาบน้ำอาบท่า ปิดไฟตอนห้าทุ่มเตรียมจะนอน (แต่จริงๆ ตอนนั้นยังไม่หลับ) ผมนอนบนเตียงใหญ่ขนาดสองคนฝั่งติดหน้าต่างห้อง
ส่วนพี่แกนอนเตียงเดี่ยวติดฝั่งประตูห้องน้ำ ผมนอนฟังเพลงมีหูฟังยัดหู
พี่แกก็มีหูฟังยัดหูเช่นกัน แต่เพิ่มออปชั่นมีแล็ปท็อปเล่นเน็ตไปด้วย
ณ จุดๆนี้ ไฟห้องปิด มีเพียงแสงไฟจากแล็ปท็อปเท่านั้นที่ส่องสว่าง ผมหลับตาฟังเพลงไปได้ซัก 15 นาที
ได้ยินเสียงพี่แกเปิดประตูออกไปข้างนอก หลังจากนั้นซัก 5
นาทีค่อยกลับเข้ามาใหม่
แกตะโกนเรียกผม
3- 4 ครั้ง ผมเงยหน้าถามว่ามีอะไรพี่ แกบอกพี่เจอว่ะ ผมถามว่าเจออะไร แกบอกว่าเจอยืนอยู่ปลายเตียงผมเลย เงาสีดำๆ
รูปร่างคล้ายผู้หญิงตัวสูง
ผมบอกจริงหรือพี่ ผมไม่เห็นนะ (ตอนนั้นผมก็หลับตาอยู่แหละ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าถ้าลืมตาขึ้นมาจะเจอรึเปล่า) แกยังเน้นย้ำว่าใช่ ตอนแรกที่แกออกไปข้างนอก ก็เพราะเห็น จนอุทานออกมาเสียงดัง แต่ผมเสือกไม่ได้ยิน
พอแกออกไปข้างนอก ทำใจได้สติซักพัก ค่อยกลับเข้ามาอีกรอบ
ส่วนผมเหรอครับ
ตอนแรกก็นึกว่าพี่แกไปดูดบุหรี่ ที่ไหนได้ แม่งเจอผี ไอ้ฉิบหาย!
ตกลงกันเสร็จสรรพ คืนนี้ขอเปิดโคมไฟนอน พร้อมทีวี แต่ไม่เปิดไฟห้อง ส่วนสภาพพี่แกตอนนั้นนอนห่มผ้าหันหลังให้ฝั่งทางหน้าต่างที่อยู่ตรงปลายเตียงผมแบบระแวง
ส่วนผมก็ตาสว่างเลยล่ะครับ
คือไม่กล้านอน
เพราะถ้านอนแล้วรู้สึกตัวตื่นมากลางดึกแล้วมาเจอ กูจะทำไงว่ะ สองคือถ้าไม่นอน
แม่งก็ต้องเฝ้าระแวงมองรอบห้องทั้งคืนว่าจะมีอะไรมั้ย
ตกลงตอนนั้นผมก็เลยอยู่ในสองอาการ อีกอย่างเป็นห่วงพี่แก เกิดเจอคนเดียวแล้วช็อคตายห่าจะทำไงกันดี
ไอ้ห้องก็ไม่กล้าเปลี่ยนเดี๋ยวเขาว่าป๊อด ไอ้ครั้นจะไปนอนกับน้องฝึกงานอีกคนมันก็ยังไงๆกันอยู่ ตกลงผมกับแกเลยต้องต่อสู้กับอะไรไม่รู้ที่มันลึกลับอยู่ในห้อง
เวลาผ่านไปล่วงเลยเกือบตีสอง
ผมยังอยู่ในอาการหลับๆตื่นๆ จนมารู้สึกเหมือนจะโดนอะไรซักอย่างเข้าสิงร่าง
(คาดว่าผีคงจะอำ) ก่อนจะร้องตะโกนออกมาดังๆ แบบหายใจไม่ค่อยออก
ฉิบหาย!
พี่แกไม่ได้ยินเสียงผมร้องเลยซักแอะ
เท่านั้นไม่พอ
แกก็เกิดฝันเหมือนกัน ในความฝันเล่าว่า ผมเปิดประตูห้องวิ่งออกไปข้างนอกตอนดึก
เลยถัดไป 2-3 ห้อง ล้มลง
พลางชี้กลับมาห้องตัวเอง ให้พี่แกดู ซึ่งพี่แกก็วิ่งตามผมออกมา
ภาพที่แกเห็นคือหญิงชุดขาว ตัวสูงเสียดเพดาน หน้าดำคล้ำ ผมยาวเปียกน้ำแบบหมาดๆ ยืนหัวเราะใส่ผมกับแกสองคน อย่างสะใจ (ความฝันนี้เล่ากันตอนเช้า)
จากนั้นทั้งคืน
นอกจากพี่แกเจอเงาดำๆยืนจ้องผมอยู่ปลายเตียง กับที่แกฝัน และผมฝัน
ก็มีเพียงเสียงบนเพดานนิดหน่อย ประกอบเพิ่มความหลอน แต่ก็พยายามจะไม่คิดอะไรมาก
รุ่งเช้าเก็บของเช็คเอาท์ออกตอนเกือบแปดโมงเช้า เปิดประตูออกมา เจอแม่บ้านโรงแรมเข้าชาร์จไปทำความสะอาดทันที
แต่แรกกะจะถามว่าห้องนี้มีอะไรมั้ย ก็เลยไม่ใส่ใจ แล้วก็แล้วกันไป
อย่าได้เจอกันอีก
แต่ๆๆ
เดี๋ยวก่อน ไอ้ผมมันคนขี้สงสัย ทำไมแม่บ้านถึงรู้ว่าพวกผมจะเช็คเอาท์ออกตอนไหน ทั้งๆที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า และถ้าจะบอกว่ามันบังเอิญ ก็บังเอิญเกินไป
ก็ห้องพักมีกันตั้ง 8 ชั้น
เช็คเอาท์เสร็จ นั่งกินข้าวเช้าพร้อมสนทนาเรื่องเมื่อคืนกันสองคน ผมยังมีข้อสงสัยหลายประการที่ยังค้างคา
1.ผมไม่ได้เจอด้วยตาตัวเองจริงๆ เพียงแค่มากสุดก็สัมผัสจากการลักษณะโดนผีอำ แต่การโดนผีอำมันก็มีหลักวิชาการทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถอ้างได้ ส่วนที่พี่แกเจอ
ผมก็ไม่รู้จะพิสูจน์ยังไง
2.ความไม่ชอบมาพากลหลายอย่างของเหตุการณ์ เช่น ความรู้สึกแรกเมื่อเห็นห้องพัก, ทุกชั้นของโรงแรมมีห้องละหมาด เงินเหรียญตกตอนเปิดประตูออกมาแบบไม่รู้ว่ามันมาจากไหนแน่ชัด, แม่บ้านทำไมถึงรู้ว่าพวกผมเช็คเอาท์ออกกี่โมง
ห้องละหมาด มีกันทุกชั้น
3.ผมมาถ่ายรูปไหว้พระ 9 วัด ซึ่งตามหลักความเชื่อ ใครทำได้ก็มีบุญกุศลเยอะ และๆๆ หมายความว่า ถ้าผีสางนางไม้มาปรากฏตัวให้เห็น
แสดงว่าเขามาขอส่วนบุญจากพวกผม
สุดท้ายข้อสงสัยไม่ได้รับการคลี่คลาย อัตราความเชื่อสำหรับมีผมแค่ 70 เปอร์เซ็นต์ ทางออกก็เลยมาตกที่การไหว้พระทำบุญ แล้วอุทิศส่วนกุศลให้เขาไป
ทำบุญไปให้แล้วหวังว่าอะไรคงจะดี ไม่มีอะไรตามมาหลอกหลอน เพราะสิ่งที่ผมไม่ต้องการคือ อย่ามาแสดงตัว อย่าตามมาด้วย อย่ามากวน ถ้ามีโอกาสทำบุญเมื่อไหร่เดี๋ยวจะทำไปให้
แต่ถ้าเมื่อไหร่ยังตามมากวนอีก
ผมจะแช่งแม่งให้ตกนรกเลย ข้อหากูง่วงแล้วเสือกมากวนกูอีก
ผมเตือนคุณดีๆแล้วนะ
ปล.อีกข้อสงสัย
ผมมีบุญมากขนาดนั้นจนขั้นมาขอเลยเหรอ เออ หรือว่าเขามาใบ้หวย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น