Movie Review : Carrie (2013)
Carrie
หรือชื่อไทย “อีสาวสยอง” (ผมเติมคำว่า “อี” ลงไปเพื่อให้ได้อารมณ์)
หนังที่ดัดแปลงจากนิยายของสตีเฟ่น คิง โดยหนังเวอร์ชั่นเดิมนั้นเป็นของปี 1976
และมาคราวนี้เวอร์ชั่นปี 2013 ถูกรื้อเอามาทำใหม่อีกรอบ รับบทอีสาวสยองโดยแม่หนู โคลอี เกรซ มอเร็ตซ์ ที่ดูโตเป็นสาวขึ้น
หลังจากเพิ่งผ่านหน้าเธอกับ Kick – Ass 2 ไปหมาดๆ
ส่วนอีกเรื่องของ Carrie ในปีของ 1999 กับชื่อ The
Rage : Carrie 2 ขออนุญาตไม่นับล่ะกัน
ออกตัวก่อนเลยว่ายังไม่มีโอกาสได้ดูเวอร์ชั่นดั้งเดิม หลังจากถูกสหายและแมกกาซีนหนังกวักมือร่ำๆ ให้ไปหาดู จนสุดท้ายเลยตัดสินใจรอดูเวอร์ชั่นใหม่แบบเต็มๆ เหตุผลไม่มีอะไรมากไปกว่าการอยากเสพความสดใหม่ของตัวหนังตามประสายุคดิจิตอล
หนังเปิดเรื่องด้วยฉากเหตุการณ์คลอดลูกของมาร์กาเร็ต ไวท์ (แม่ของแคร์รี่) ในบ้าน หญิงสาวที่เคร่งในศาสนาและมีความเชื่อว่าลูกของเธอมีบาป เป็นสิ่งชั่วร้ายที่ถูกถ่ายทอดมาจากสามีของเธอที่เลิกรากันไปนานแล้ว
ก่อนจะตัดมายังฉากปัจจุบันในตอนที่แคร์รี่เป็นสาววัยรุ่น เป็นเด็กที่มีปมในชีวิต
แปลกแยก ไม่เหมือนใคร และโดนเพื่อนๆ ในโรงเรียนรังแก
ซึ่งก็มีเพียงแค่คุณครูคอลินส์เท่านั้นที่เข้าใจเธอ ไหนจะมีปัญหากับแม่ที่บ้านกับอาการเคร่งศาสนา (ถึงขั้นบ้า) ที่วันๆ เอาแต่ให้ลูกสาวสวดมนต์ขอพรจากพระเจ้าทุกครั้ง เมื่อเธอเห็นว่าลูกสาวตนทำตัวผิดออกจากนอกกรอบคำสั่งสอนตัวเอง เพราะด้วยความคิดที่เชื่อมาเสมอว่าลูกของตนเป็นสิ่งชั่วร้าย มีปีศาจแอบแฝง
แคร์รี่มาค้นพบว่าตัวเองมีพลังพิเศษไม่เหมือนใคร เมื่อเธอระเบิดอารมณ์โกรธจนข้าวของเสียหาย หลังถูกเพื่อนๆ รังแกที่โรงเรียน จากนั้นเธอก็ศึกษาวิธีการใช้พลัง โดยหนังมาในโทนไม่ต่างจากพวกหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่เพิ่งค้นพบพลังวิเศษในตัวเองอย่าง
Man of Steel, X-Men หรือ Chronicle
ศึกษา ทดลองใช้พลังจิต มาในสไตล์เดียวกัน เพียงแต่การแสดงพลังให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างมีให้เห็นน้อย ส่วนที่มาแสดงเอาจริงๆ
ก็เป็นจุดไคล์แม็กซ์ของเรื่องในงานพรอม
เมื่อแคร์รี่ระเบิดอารมณ์โกรธในระดับพายุไต้ฝุ่น พังข้าวของ พร้อมคร่าชีวิตคนในแบบวินาศสันตะโร เหตุเพราะเธอโดนแกล้งจาก คริส ฮาร์เกนเซ่น
เพื่อนในโรงเรียนที่แค้นแคร์รี่ จากการที่เธอโดนลงโทษไม่ให้มาในงานพรอม
Carrie มีส่วนผสมของอารมณ์หนังหลายแบบทั้งจากซุปเปอร์ฮีโร่ หนังผี และดราม่า คละเคล้ากันไป แต่ถ้าถามว่าสยองสมชื่อหรือไม่ ขอบอกเลยว่าอารมณ์กระตุกขวัญตลอดเกือบสองชั่วโมงไม่มีให้เห็น
ประเด็นที่หนังจะสื่อน่าจะเป็นไปในทางการพูดถึงความสัมพันธ์ของเด็กวัยรุ่นกับครอบครัวและโรงเรียน
เมื่อเด็กมีปัญหา มีปมด้อยในใจ และต้องการหาที่พึ่งอันอบอุ่นเชื่อใจได้
และเมื่อไร้ซึ่งที่พักพิงเยียวยาปัญหาในใจ การระเบิดอารมณ์ออกมาในรูปแบบความโกรธแค้น จึงเป็นทางออกที่ดูรุนแรงเกินกว่าใครจะคาดคะเน แม้จะไม่หนักและน่ากลัวเท่า Chronicle
ก็ตาม ส่วนความสนุกไม่มีอะไรให้ติดใจนึกถึงนอกจากใบหน้าที่สวยและสาวขึ้นของคุณน้อง
โคลอี เกรซ มอเร็ตซ์ ครับ
คะแนน 6/10
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น