Music Review : Simple Plan Taking One for the Team Tour Bangkok 2016


“นี่มาจากเชียงใหม่เลยเหรอ”

ประโยคอึ้งเล็กๆ จากมิตรสหายที่รักใคร่ในเสียงดนตรีสดมากกว่าฟังเพลงออนไลน์ รวมทั้งคนขับแท็กซี่ เมื่อทราบว่าผมย้ายหูของตัวเองจากนครพิงค์ ลงมาถึงเมืองหลวงเพื่อดูคอนเสิร์ตแล้วก็กลับภายในวันนั้น

อันที่จริงประโยคจากย่อหน้าแรกเป็นความเคยชินส่วนตัวที่มีมานาน และทุกครั้งที่ตัดสินใจมา ก็ใช้เวลาคิดไม่นาน อันที่จริงจะบอกว่าไม่คิดก็ยังได้ ฮ่าๆๆ

ก็ถ้าไม่มาดูครั้งนี้ โอกาสหน้าถามหน่อยว่าวงจะมาทัวร์อีกมั้ย? (คิดหนัก แต่หาคำตอบไม่เจอ) และถ้ายังนึกภาพไม่ออกลองจินตนาการว่าตัวเองเป็นกองหน้าตัวเป้า แล้วเพื่อนเปิดบอลระดับถวายใส่พานทองแท้มาให้ ถามหน่อยว่าจะยิงให้ไส้แตก (เข้าไม่เข้าก็อีกเรื่องนะ) หรือยืนให้ตัวเองหำตายปล่อยบอลหลุดไปดื้อๆ

ผมขอเลือกเป็น “คริสเตียโน่ โรนัลโด้” คือกูขอยิงไว้ก่อน!

ข่าวในพระราชสำนักทางทีวีตอนค่ำของวันที่ 8 กันยายน คือเวลานัดหมายกับ “Simple Plan Taking One for the Team Tour Bangkok 2016” ทัวร์คอนเสิร์ตของวงกับอัลบั้มสตูดิโอชุดล่าสุด (อัลบั้มที่ 5) ก่อนหน้านี้วงเคยมาเล่นที่เมืองไทยแล้วกัน 2 รอบ ส่วนสถานที่จัดงานคือ Moonstar Studio 8

ก่อนงานเริ่มราว 1 ชั่วโมง แฟนเพลงยังไม่ค่อยพลุกพล่านนัก จนหลายคนเริ่มกังวลยิ่งกว่าราคาหุ้นตกว่าจะสนุกมั้ย และเพื่อเป็นการตอกย้ำให้คนคิดมากกังวลใจต่อไป ฝนห่าใหญ่ก็โปรยลงมา ประหนึ่งอยากจะให้บรรยากาศของงานในวันนั้นเข้ากับเพลง Singing In The Rain มิวสิควิดีโอตัวใหม่ล่าสุดของวง

ฝนตกก็ย้ายตัวเองเข้าไปในสตูดิโอ การตรวจความเรียบร้อยในด้านความปลอดภัยก่อนเข้าไปด้านในเป็นไปแบบลวกๆ เหมือนแกะซองมาม่าแล้วราดน้ำร้อน จริงๆ จะบอกว่าไม่ตรวจน่าจะถูกต้องที่สุด เพราะเขาดูแค่บัตร

20.00 น. คือเวลาที่ต้องได้กระโดดแล้ว แต่ลืมไปว่านี่คือเมืองไทย ดังนั้นการเลทไป 30 นาที ทุกคนน่าจะเข้าใจว่าที่นี่เมืองไทยนะ ฮ่าๆๆ

เปิดหัวด้วย “Opinion Overload“ แทร็คแรกของอัลบั้มใหม่ล่าสุด กับป๊อบพังค์จังหวะโยกอุ่นเครื่องต่อด้วย “Jet Leg“ ที่แฟนๆ เริ่มจะวอร์มคอร้องตามได้ไม่เคอะเขิน และมากระโดดสุดๆ กับเพลง “Jump“ ที่ส่วนตัวคิดว่าเล่นสด และชวนกระโดดที่สุดในโชว์ โดยเฉพาะท่อน I just wanna jump (Jump!) แถมมีแทรกด้วยงานของ Black Eyed Peas อย่างเพลง “I Gotta Feeling“ กับท่อน  A feeling, woohoo, that tonight's gonna be a good night

กระโดดต่อยาวๆ ด้วย “I'd Do Anything“ ผ่อนคันเร่งลงหน่อยกับ “Boom“ และ “Welcome to My Life“ ที่ร้องตามกันสนั่นเวที (ทำไมตูน้ำตาไหล TT) แล้วทางวงก็ปรับเข้าโหมดงานปาร์ตี้อย่างเพลง Kiss Me Like Nobody's Watching, Singing in the Rain สองแทร็คจากอัลบั้มล่าสุด มีหยิบงานของ Mark Ronson กับเพลง “Uptown Funk“ และงานของ The Weeknd กับเพลง “Can't Feel My Face“ มาคัฟเวอร์ส่งท้ายความสนุก

ที่เหลือก็หยิบเอางานชุดเก่ากับใหม่มาสลับกันเล่นไล่ไปตั้งแต่ Can't Keep My Hands Off You, Your Love Is a Lie, Farewell (สองเพลงหลัง ส่วนตัวค่อนข้างเซอร์ไพร์สที่วงหยิบมาเล่น) และไฮไลต์ช่วงนี้คือ “Summer Paradise“ ที่มีลูกบอลยักษ์มาให้แฟนๆ เล่น ก่อนจะตบท้ายด้วยสองเพลงอย่าง “Crazy“ และ “I'm Just a Kid“

เข้าสู่ช่วง Encore ปลุกเร้าแฟนๆ ด้วย 3 เพลงรวด Shut Up, Perfect World และ Take My Hand มีเพลง “This Song Saved My Life“ ที่แฟนๆ พร้อมใจชูป้ายกระดาษพิมพ์คำว่า ‘Simple Plan saved my life’ กัน ส่วนเพลงปิดท้ายก็ตามคาด “Perfect“ ที่แฟนๆ ก็พลิกป้ายกระดาษมาเป็น ‘Thanks for coming back’

ปวดคอและงงๆ ว่า อ้าวแล้วเพลง “Addicted” ตูหายไปไหน!!! ทำไมพวกนายไม่เล่น นี่ที่ยอมย้ายหำมาจากเชียงใหม่ ก็เพื่อตั้งใจมากระโดดเพลงนี้

อย่างไรก็ตาม....(ทำไมประโยคนี้แลดูทางการ ฮ่าๆๆ)

ความมันส์และความสนุกที่มอบให้ชั่วโมงครึ่ง ถือว่าคุ้มค่าทุกนาทีกับโชว์ของทางวง ชนิดที่หำเปียกและเมื่อยล้าไปตามๆ กัน สำหรับวัยรุ่นต้นยุค 2000 อย่างผม งานโปรดักชั่นถือว่าโอเค แต่ที่ได้ใจสุด คือสมาชิกในวงทุกคนเอนเตอร์เทนต์แฟนๆ ได้อย่างถูกอกถูกใจ โดยเฉพาะสองแกนนำของวงอย่าง Pierre Bouvier และ David Desrosiers ที่แค่กระดกลิ้นพูดภาษาไทยตามธรรมเนียม สาวๆ ก็กรี๊ดกระจายแล้ว

ตบท้ายด้วยการบ่น 2 เรื่อง คือหนึ่ง ขาออกมาจาก Moonstar Studio 8 หารถออกมายากมาก ถ้าไม่มี Uber คือจบ! และสอง มนุษย์กล้องวิดีโอทั้งหลายในคอนเสิร์ต ท่านจะถ่ายไปถึงไหน ทำไมไม่สนุกไปกับเพลงที่กำลังโชว์ (ถ่ายได้นะ แต่ไม่ใช่ถ่ายตลอดเลย ไอ้พวกใช้ไอแพดเนี่ยตัวดี! บังกูหมด) บางคนอัดวิดีโอไม่พอ โอ้โห ใจดีมี Live ผ่าน Facebook ให้เพื่อนๆ ดูด้วย เรื่องนี้ถ้าจำไม่ผิด อีตามาร์ค ซัคฯ เคยจัดการให้ Facebook ทำการหยุด Live โดยอัตโนมัติ ถ้าพบเสียงเพลงที่มีลิขสิทธิ์ แต่กว่าจะรอให้มันหยุด Live โดยอัตโนมัติและให้มนุษย์กล้องยกมือถือลง ตอนนั้นคาดว่าคงหงุดหงิดเพิ่มขึ้นในระดับทะลุปรอท โชคยังดีที่พี่ๆ บอดี้การ์ดคอนเสิร์ต มาช่วยหยุดมนุษย์กล้องให้เอามือถือลงได้

และนี่ถ้าไม่ใช่คอนเสิร์ต Simple Plan แต่เป็นคอนเสิร์ต Slipknot แทน คาดว่าพี่ๆ บอดี้การ์ด คงทำงานสบายกันมากกว่านี้

เพราะ Corey Taylor จะจัดการปัดโทรศัพท์มือถือของคนดูแถวหน้าทิ้ง พร้อมกับเทน้ำใส่แล้วก็บอกว่า “ถ้านายมัวแต่เล่นโทรศัพท์มือถือ ก็เชิญย้ายหลืบดากอันโสโครกกลับไปนอนที่บ้านซะ!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ขนมเด็กโบราณในความทรงจำ

Movie Review : อวสานโลกสวย (2016)

Movie Review : Jeepers Creepers (2001)