Movie Review : 12 Angry Men (1957) อย่าด่วนตัดสินใคร!
ใครๆ ก็ไม่อยากถูกด่วนตัดสินจากคนอื่นด้วยเพราะความผิวเผินจากภายนอก หลายคนยกมือค้านบอก ช่างแม่ง! แต่กับกรณีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคำตัดสินที่มีผลชี้วัดในระดับ "ความเป็นความตาย" ของชีวิต บางทีคำว่า "ช่างแม่ง" อาจจะต้องโยนทิ้งลงชักโครก ทั้งคนที่ถูกตัดสิน และสำคัญยิ่งสุดๆ ก็คือคนที่ตัดสินชีวิตคนอื่น
12 Angry Men ว่าด้วยเรื่องราวการพิพากษาของคณะลูกขุน 12 คน ที่ต้องพิจารณาคดีฆาตกรรม โดยมีเด็กหนุ่มตกเป็นจำเลยในข้อหาฆาตกรรมพ่อตัวเอง โดยบทสรุปของคดีมีกติกาอยู่ว่าทั้ง 12 เสียง ในห้องพิจารณาคดี ต้องลงมติเป็นเอกฉันท์ 12:0 กันเท่านั้น ถ้าคะแนนเสียงต่างจากนี้ ต้องถกกันใหม่ เพื่อหาข้อสรุปให้เป็นเสียงเอกฉันท์ที่ 12:0 อย่างเดียว
หนังขับเคลื่อนเรื่องทั้งหมด ผ่านบทสนทนาของคณะลูกขุน 12 ชีวิต ในห้องพิจารณาคดีเพียงโลเคชั่นเดียว และความสนุกก็อยู่ที่ตรงบทสนทนามันส์ๆ อันดุเดือด และร้อนระอุ (รวมทั้งสภาพอากาศในห้องด้วย) เพื่อถกหาข้อสรุปว่าเด็กคนนั้นเป็นฆาตกรจริงๆ หรือไม่ และถ้าหวยออกมาเป็น 12 เสียงว่าเด็กผิดจริง โทษของเด็กก็คือประหารชีวิต
ประเด็นที่น่าสนใจของแก่นเรื่อง คือการเผยสันดานมนุษย์ จากคนหลายประเภทในสังคมต่อการมองสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วนำมาคิดวิเคราะห์เพื่อตัดสิน และคลายข้อสงสัยอันสมเหตุสมผล โดยยึดหลักของข้อเท็จจริง
กระนั้นกับสภาพสังคมที่เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายประเภท การตัดสินจึงเต็มไปด้วยความยุ่งยาก ทั้งจากอคติส่วนตัว อารมณ์ร่วม ภูมิหลัง ความเป็นเหตุเป็นผล (และไร้เหตุผล) แม้กระทั่งกับคนที่ไม่ได้อยากวุ่นวายอะไร แบบทำๆ ไป ขอให้จบที เหมือนกับเสียงในที่ประชุมออฟฟิศ ที่คิดแต่เรื่องส่วนตัวของตน ไม่ได้คิดถึงความสำคัญของสิ่งที่ประชุมอยู่ตรงหน้า ก็ล้วนแล้วแต่นำพาความน่าเวียนหัวกันทั้งสิ้น ฉะนั้นทางออกเดียวของเรื่องทั้งหมด ก็คือต้องยึดหลักข้อเท็จจริงของสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อใช้พิจารณา
มีอีกหลายสิ่งที่หนังแทรกลงไปได้อย่างเนียบเนียนคือ การให้ความสำคัญ และยืดหยันสิทธิ์ของตนในประชาธิปไตย การเปิดใจรับความคิดเห็นด้วยเหตุผล รวมทั้งการปรับเปลี่ยนทัศนะไปในทิศทางที่ถูกที่ควร
แม้ตัวหนังจะเก่ามีอายุราวคุณลุงในวัยปลดเกษียณ แต่ด้วยการเขียนบทอันร้ายกาจ ไม่น่าเชื่อว่าหนังเรื่องนี้เนื้อหาจะสามารถสะท้อนเนื้อหาต่อสังคมได้ทุกยุคทุกสมัยไม่มีล้าหลัง โดยเฉพาะกับยุคนี้ ยุคที่ฉับไวแค่ปลายนิ้วสัมผัส ก็ยิ่งดูจะเข้ากันได้ดีเหลือเกิน
เป็นหนังที่ควรค่าแก่การรับชม ที่สมราคาคุย (คุยกันจนต้องยกนิ้วให้) ทั้งในแง่ของบทหนัง ตัวนักแสดงยกทีม แถมดูแล้วได้มองย้อนกลับมาถามตัวเราเองด้วยว่า เราเป็นคนแบบไหนในสังคมนี้?
คนที่ด่วนตัดสินคนอื่นด้วยความผิวเผิน?
คะแนน 8.5/10
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น