Book Review : โจนาธาน ลิฟวิงสตัน วิญญาณนกนางนวลในร่าง "ประมวล เพ็งจันทร์"



พลันที่ได้รู้ว่าหนังสือ "เดินสู่อิสรภาพ" สารคดีกึ่งธรรมะจากเรื่องราวชีวิตจริงของอดีตอาจารย์สอนวิชาปรัชญาและศาสนา ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่เดินเท้าจากเชียงใหม่กลับบ้านเกิดที่เกาะสมุย โดยไม่ใช้เงินซักบาท วางสถานะทางสังคมทุกสิ่งอย่างไว้ข้างหลัง เดินทางเพื่อออกตามหาความหมายในชีวิตบางอย่าง ช่วงเวลา 2 วัน ของผม กับตัวหนังสือ 500 หน้า ก็ผ่านตาจบไปอย่างรวดเร็ว

มีคำถามหลายข้อเกิดขึ้นในหัวตั้งแต่ก่อนอ่าน และระหว่างที่อ่าน เช่น ทำไมต้องเดิน ทำไมไม่ใช้เงินระหว่างเดินทาง ฯลฯ ซึ่งความสงสัยทั้งหมดนั้น ก็ได้ตอบคำถาม ก่อนจะร่วมไปตามหา "อิสรภาพ" ภายในจิตใจ และ "มิตรภาพ" ระหว่างการเดินทาง

และนี่คือสิ่งที่ได้จากหนังสือ

ความกลัว
การเดินทางช่วยทลายกำแพง "ความกลัว" ของเราให้พังลง แต่ในขณะที่เรากำลังทลายของตัวเองอยู่นั้น สิ่งที่หลายคนหลงลืมไปคือ กำแพงความกลัวของคนอื่นที่ได้พบปะเราได้ทลายลงไปหรือไม่ ในเมื่อเราทั้งสองต่างเป็นคนแปลกหน้าของกันล่ะกันในห้วงเวลานั้น และการจะทำให้ทั้งเราและเขาหายไปจากความกลัว คือการหยิบยื่นไมตรีให้ ง่ายสุดคือยิ้มนี่แหละ เหมือนมิ้นท์ I Roam Alone เคยเขียนว่า "ถ้าเรายิ้มให้โลก โลกก็จะยิ้มให้เรา"

นอกจากความกลัวจะมาขวางกันในการสร้างมิตรภาพใหม่ๆ เพราะคนเราส่วนใหญ่พอใจกับสายใยรักและมิตรภาพที่ถูกทอจากคนที่เรารู้จักแล้ว ความกลัวยังกักขังไม่ให้เราเป็นอิสระจากจิตที่ปรุงแต่ง กลัวอะไรต่างๆ นานา เช่น กลัวอดอยาก กลัวลำบาก เราเลยต้องหาเงินไว้มากๆ เพื่อให้รู้สึกหายกลัวและเกิดความรู้สึกมั่นคงภายในจิตใจ ทั้งๆ ที่จะว่าไป ต่อให้มีเงินเยอะ มีความั่นคงจากภายนอก มันก็ไมได้การันตีว่าข้างในเราจะมั่นคงด้วย การจัดการจิตให้มั่นคงไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแบบไหนต่างหาก นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

เงินและมิตรภาพ
คำว่า "ไม่มีเงิน" เป็นคำที่หยาบคาย ถ้าคำนี้หลุดออกมาในสังคมที่เงินเป็นเหมือนกับทุกสิ่งอย่าง กลับกันถ้าเงินเปลี่ยนจากความเป็น "พระเจ้า" มาเป็น "ทาสผู้รับใช้ซื่อสัตย์" ไม่ได้มีอำนาจต่อรองอะไร เงินจะเป็นทำหน้าที่ช่วยแบ่งปันและหยิบยื่นมิตรภาพให้ มิตรภาพที่งดงามจากใจเพื่อนร่วมโลก

ฉะนั้นบริบทของ "เงิน" จึงอยู่ที่จะเลือกใช้ให้เป็นแบบไหน ถ้าเป็น "พระเจ้า" เงินก็จะทำให้คนเราระวังตัว และเกิดความกลัวเหมือนที่เขียนไว้ในหัวข้อที่ผ่านมา

“Dream big, start small”
ก้าวเล็กๆ ช้าๆ เมื่อรวมกันหลายๆ ก้าว ก็สามารถพาไปยังจุดหมายปลายทางได้ การจะทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ซักอย่างให้สำเร็จ หากมองถึงจุดหมายปลายทางแบบรวดเดียวเหมือนกับมองยอดเขาอาจจะทำให้ท้อ แต่ถ้าค่อยๆ ทำไปทีละก้าว อยู่กับก้าวปัจจุบัน เหมือนกับเราค่อยๆ หั่นชิ้นสเต็กเข้าปาก สเต็กชิ้นใหญ่ๆ ที่ลำบากในการงาบคำเดียวหมด ก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย

ทางสายกลาง
ความแน่วแน่เป็นเรื่องที่ดี แต่มันก็มีเส้นกั้นบางๆ กับคำว่า "ดื้อดึง" ฉะนั้น บางจังหวะต้องรู้จักผ่อนปรน เป็นการผ่อนหรือยหยุด เพื่อเดินเครื่องต่อให้ถึงเป้าหมาย

ก่อนเดินประมวล เพ็งจันทร์ ได้มีขอบเขตที่ตั้งไว้กับตัวเองหลายข้อ เช่น ไม่รับอาหารจากคนอื่น ถ้าตัวเองกินอิ่มท้องแล้ว แต่จะเห็นได้ว่าบางครั้งก็ไม่ได้ทำตามที่ได้ขีดเส้นเอาไว้ด้วยสถานการณ์ที่เจออยู่ตรงหน้า ซึ่งหากมองถึงเจตนารมณ์ในความแน่วแน่ตั้งใจ ก็จะพบกับความสงสัย และคลางแคลงใจในตัว กระนั้น หากเข้าใจว่าชีวิตไม่สูตรคณิตศาสตร์ที่ 1+1 ต้องเท่ากับ 2 เสมอไป ก็โปรดละไว้ในฐานที่เข้าใจเถิด

น้ำใจระหว่างคนชนบท และในเมือง
หากเปรียบสังคมชนบทคือความช้า และสังคมในเมืองคือความเร่งรีบ ความช้า จะทำให้เราสังเกตอะไรได้ถี่ถ้วน มีเวลาให้คิด ระหว่างทางประมวล เพ็งจันทร์ ได้เห็นถึงน้ำใจจากสังคมชนบท มากกว่าสังคมเมือง เพราะความช้า ทำให้คนชนบทสังเกตว่าชายแก่คนนี้เดินไปไหน ต่างกับความเร่งรีบในสังคมเมือง ที่แทบจะไม่มีใครแยแส กระนั้นบทสรุปก็ใช่ว่าคนชนบทจะมีน้ำใจกว่าคนในเมือง แต่นี่เป็นเพียงแค่บางส่วนจากสิ่งที่วัยใกล้วัยปบดเกษียณได้พบในระหว่างการเดินทาง
อีกหนึ่งคำถามที่น่าสงสัยลองคิดเล่นๆ ดู หากไม่ใช่อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่คนนี้ (ที่ชาวบ้านมารู้ทีหลังว่าเคยเป็นอาจารย์ หลังจากพูดคุยกันแล้ว) แต่เป็นคนพิการ คนจรจัด คนพวกนี้จะได้รับการหยิบยื่นมิตรภาพให้หรือไม่ ถ้าคนให้รู้ว่าเขาเป็นคนที่อยู่สถานภาพทางสังคมที่เรี่ยติดพื้น

จาก คริสโตเฟอร์ จอห์นสัน แม็คแคนด์เลส ถึง ประมวล เพ็งจันทร์
เรื่องราวของประมวล เพ็งจันทร์ มีความคล้ายคลึงกับเรื่องราวของ คริสโตเฟอร์ จอห์นสัน แม็คแคนด์เลส จากภาพยนตร์เรื่อง into the wild ที่สร้างจากเรื่องจริง หลายอย่าง เช่น ไม่ใช้เงินในการเดินทาง ละทิ้งสถานภาพทางสังคมทุกอย่าง เดินทางค้นหาจิตวิญญาณตัวตนของมนุษย์ ไม่ต่างอะไรกันกับเจ้านกนางนวล "โจนาธาน ลิฟวิงสตัน" ที่ปรากฎในหนังสือของริชาร์ด บาร์ก ที่การบินคือชีวิต และออกโบยบินเพื่อตามหาความหมาย มากกว่าจะเกิดมาเป็นนกนางนวลธรรมดาที่เอาแค่ล่าปลา มีชีวิตอยู่ไปวันๆ

เพียงแต่ตอนกลับบ้าน ประมวล เพ็งจันทร์ ได้กลับสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นที่เคยขาดหาย ส่วนคริสโตเฟอร์ จอห์นสัน แม็คแคนด์เลส ได้แค่นอนทอดกายสิ้นลมหายใจกลางป่าอลาสก้า ก่อนจะเหม่อมองฟ้าและคิดว่าตัวเองกำลังยิ้ม และวิ่งกลับไปหาอ้อมกอดของพ่อแม่

โดยที่ไม่รู้ว่าพ่อแม่จะเห็นเเบบเดียวกัน เหมือนกับที่คริสได้ออกไป "บิน" มามั้ย?



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ขนมเด็กโบราณในความทรงจำ

Movie Review : อวสานโลกสวย (2016)

Movie Review : 12 Angry Men (1957) อย่าด่วนตัดสินใคร!